ตอนนี้เป็นตอนของหัวใจและหลอดเลือด
กระเทียม เป็นสมุนไพรที่คนทั่วโลกทุกวัฒนธรรมต่างรู้จัก ในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่ากระเทียมเป็นอาหารของพวกทาสอิสราเอลมาตั้งแต่ครั้งถูกเกณฑ์ไปสร้างปิรามิด ในพระคัมภีร์บอกว่า กระเทียมจะทำให้พวกทาสมีกำลังและเป็นยาบำรุง ในจีนมีบันทึกการใช้กระเทียมมากกว่า 4,000 ปี ว่า ข้าราชบริพารในจักรพรรดิหว่างตี้ ปีนขึ้นไปบนภูเขาสูงและกินหญ้าพิษเข้าไปแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ได้กินกระเทียมป่าที่ขึ้นในบริเวณนั้นเข้าไปจึงเอาชีวิตรอดมาได้ หมอจีนจึงใช้กระเทียมเข้ายามาโดยตลอด
กระเทียมมีถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชีย แต่ได้แพร่หลายไปทั่วโลก แม้แต่ยุโรป โรคที่กระเทียมรักษาได้นั้น มีตั้งแต่ โรคพยาธิ โรคปวดหัว โรคหืด โรคที่เกี่ยวกับประจำเดือน โรคหวัด แต่หลัง ๆ มานี่ มีการวิจัยของกระเทียมในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดกันมาก รวมถึงฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ลดระดับไขมันและคลอเลสเตอรอลในเลือด ตำราสมุนไพรในต่างประเทศแนะนำให้รับประทานกระเทียมบด 1 กลีบโต ๆ พร้อมนม 1 แก้วทุกเช้าเพื่อบำรุงร่างกาย หรือแนะนำให้ทำน้ำมันกระเทียมเก็บไว้กินโดยใช้กระเทียมประมาณ 2 ขีดครึ่ง บดให้ละเอียดใส่โหลปากกว้างและเติมน้ำมันมะกอกให้เต็ม ปิดฝาให้สนิท ตั้งตากแดดทิ้งไว้ 3 วัน เขย่าบ่อย ๆ ทุกวัน แล้วบีบคั้นกรองเอาแต่น้ำมันเก็บไว้รับประทานวันละ 1 ช้อนชา การใช้ประโยชน์ทางยาจากกระเทียมนั้น ต้องบดกระเทียมให้ละเอียดเพื่อที่ก่อให้เกิการดูดซึมที่เต็มที่ และต้องบดแล้วกินทันทีไม่ทิ้งไว้นาน ๆ เพื่อที่สารสำคัญจะได้ไม่สลายตัวและไม่ควรใช้ความร้อน กระเทียมสดที่บดให้ละเอียดหรือน้ำคั้นสด ๆ ของกระเทียม จะมีฤทธิ์ดีที่สุด การใช้กระเทียมจะมีข้อเสีย คือ กระเทียมจะตกตะกอนโปรตีน ทำให้มีฤทธิ์ระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นจึงควรรับประทานพร้อมโปรตีน ไม่ควรรับประทานกระเทียมตอนท้องว่าง บางท่านอาจแพ้กระเทียมได้
นอกจากกระเทียมแล้ว พืช จำพวก หอม ไม่ว่าจะเป็น ต้นหอม หอมหัวใหญ่ หรือ หอมแดง ต่างก็มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดหัวใจได้ มีศาสตราจารย์ท่านหนึ่งในประเทศอินเดีย ได้ทดลองให้อาสาสมัครกินอาหารที่อุดมด้วยไขมัน เช่น เนย น้ำมัน ไขมันสัตว์ ครีม ไข่แดง โดยจัดอาหารให้ 1,000 กิโลแคลอรี่ เป็นอาหารจำพวกไขมันถึง 900 กิโลแคลอรี หลังจากรับประทานอาหารแล้ว เจาะเลือดภายในเวลา 2 และ 4 ชั่วโมง แล้วทำการวัดปริมาณไขมันในเลือด โดยวัดระดับไขมันก่อนรับประทานไว้เป็น baseline
ต่อมาศาสตราจารย์ท่านนี้ก็ได้ทดลองแบบเดิมและให้อาสาสมัครรับประทานหอมทอดร่วมไปด้วย การทดลองครั้งหลัง พบว่า ระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เมือเทียบกับตอนแรกที่อาสาสมัครไม่ได้รับประทานหัวหอมทอด แต่ศาสตราจารย์ท่านนี้ไม่ได้หยุดเท่านี้ เขาได้ทำการทดลองซ้ำในหอมต้น หอมดิบ หอมผัด ก็ได้ผลเช่นเดิม เขาเลยสรุปว่าหัวหอมช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือดได้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจได้นำหัวหอมมาวิเคราะห์หาสารสำคัญ พวกเขาพบสารสำคัญมากกว่า 300 ชนิด รวมถึงสารที่สามารถละลามลิ่มเลือดที่จับตัวอุดขวางทางเดินเลือดได้ นั่นคือ ไซโคลอัลลิอิน นอกจากนั้น ยังมีการค้นพบว่าหัวหอม สามารถเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลตัวดี หรือ เอช-ดี-แอล ซึ่งเป็นตัวป้องกันการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย พอลองมานึกถึงอาหารที่เรารับประทานกันเป็นประจำ มักจะมีหอมเป็นส่วนประกอบหรือเครื่องเคียง เช่น ต้นหอมกับข้าวหมูแดง พริก น้ำปลา มะนาว ที่หั่นหอมซอยลงไปด้วยรับประทานกับปลาทอด หมูทอด นี่ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่คนไทยสมัยโบราณไม่มีปัญหาของโรคหัวใจเหมือนคนไทยในยุคปัจจุบัน ส่วนวิธีการรับประทานที่ท่านสามารถนำไปใชได้ ก็ให้รับประทานหอมหัวใหญ่ครึ่งหัว หรือ หอมแดง ห้าหกหัว ซึ่งควรจะเป็นหอมสดกินทุกวัน โดยรับประทานร่วมกับอาหารชนิดต่าง ๆ ได้
นอกจากเครื่องเทศอย่างกระเทียมและหัวหอมแล้ว ชาใบหม่อน ก็มีการวิจัยว่าสามารถควบคุมระดับไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี ส่วนในพิกัดยาจำพวกเกสรทั้งห้า ทั้งเจ็ด ทั้งเก้า ก็มีฤทธิ์ช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้จิตใจแจ่มใส ฟื้นจากอาการอ่อนเพลีย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต โดยเกสรทั้งห้าประกอบด้วย มะลิ พิกุล บุนนาค สารภี บัวหลวง เกสรทั้งเจ็ด เพิ่มจากรเกสรทั้งห้าอีก 2 รายการ คือ ดอกจำปา และกระดังงาไทย เกสรทั้งเก้า เพิ่มจากเกสรทั้งเจ็ดอีก 2 รายการ คือ ดอกลำเจียกกับดอกลำดวน
ขอบคุณภาพจากเพจอ้วยอันโอสถ